สื่อการเรียนรู้

ประวัติและความเป็นมาของกาแฟ

ประวัติของกาแฟ

ในการค้นพบกาแฟครั้งแรกนั้น มีหลักฐานเป็นเพียงตำนานเรื่องเล่าอยู่มากมาย เช่น ตำนานแพะเต้น ซึ่งเป็นเรื่องของคนเลี้ยงแพะชาวเอธิโอเปียชื่อคาลดี ในศตวรรษที่ ๙ ที่ค้นพบกาแฟจากการได้กินผลกาแฟหลังจากที่ได้เห็นแพะรู้สึกคึกคะนองขึ้นจากการได้กินผลดังกล่าว หรือจะเป็นเรื่องของบุรุษชื่อโอมาร์ที่ถูกเนรเทศออกจากเมืองโมชา ได้ค้นพบและกินกาแฟเป็นอาหารจนสามารถรอดชีวิตกลับมายังเมืองได้ กาแฟที่มีถิ่นกำเนิดมาจากแอฟริกานี้จึงได้ชื่อว่า อาราบิกา (Arabica) เมื่อมันถูกนำเข้าสู่ยุโรปอันจะกล่าวถึงต่อไป การที่กาแฟได้ถูกนำมาปลูกในเยเมนนี้ส่งผลให้เมืองท่ามอคคา (Mocha) ซึ่งเดิมเป็นท่าเรือที่ขนส่งกาแฟไปทั่วอาระเบียและส่งค้าในยุโรปภายหลัง

สายพันธุ์กาแฟ

  • กาแฟอาราบิก้า Coffea Arabica – C. Arabica

มีหลากหลายสายพันธุ์ เช่น : Bourbon, Typica, Caturra, Mundo Novo, Tico, San Ramon, จาเมกา Blue Mountain เป็นกาแฟที่สืบเชื้อสายมาจากพันธุ์ดั้งเดิมที่ถูกค้นพบในเอธิโอเปีย เป็นพันธุ์ที่มีความนุ่มนวล และมีกลิ่นหอม เป็นกาแฟที่มีมากที่สุดในโลกคือโดยประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ ลักษณะของเม็ดกาแฟจะแบนและยาวกว่ากาแฟโรบัสต้า และมีคาเฟอีนต่ำกว่า

ในตลาดกาแฟ อาราบิก้า จะเป็นกาแฟที่มีราคาสูงที่สุด และกาแฟอาราบิก้าที่ดีเป็นอาราบีก้าที่ปลูกบนที่สูง โดยทั่วไปจะอยู่ระหว่าง 2,000 ถึง 6,000 ฟุต (610 ถึง 1830 เมตร) เหนือระดับน้ำทะเล ปัจจัยที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คืออุณหภูมิบริเวณที่ปลูกจะต้องไม่สูงหรือต่ำเกินไปอยู่ในช่วงประมาณ 15 – 23 องศาเซนเซียส และต้องการปริมาณน้ำฝนประมาณ 1,500 มิลลิเมตรต่อปี

การปลูกและผลิตกาแฟอาราบีก้ามีต้นทุนสูงเพราะต้องปลูกบนพื้นที่ที่มีความสูง มีอุณหภูมิพอเหมาะ มีปริมาณน้ำฝนที่เพียงพอ นอกจากนี้แล้วกาแฟอาราบีก้ายังมีความทนทานต่อโรคต่ำจึงต้องการการเอาใจใส่อย่างสูง จึงเป็นเหตุให้เราสามารถพบการปลูกอราบิก้ามากที่สุดในแถบจังหวัดภาคเหนือของไทย เช่น เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง เป็นต้น และด้วยเอกลักษณ์ของกลิ่นที่หอมอย่างพอดี พร้อมกับรสชาติที่ออกไปทางกลมกล่อมนุ่มนวล อีกทั้งยังมีปริมาณของคาเฟอีนที่ต่ำมากไม่ถึง 2% ส่งผลให้สายพันธุ์กาแฟอราบิก้าเป็นที่นิยมและขายได้มากที่สุดในโลก เฉลี่ยถึง 80% กันเลยทีเดียว

  • กาแฟโรบัสต้า Coffea canephora – C. canephora var

กาแฟโรบัสต้าส่วนมากเอาไว้ใช้ผสมกับกาแฟอาราบีก้า และทำกาแฟพร้อมดื่ม เมล็ดกาแฟโรบัสต้าจะมีลักษณะค่อนข้างกลม และเล็กกว่ากาแฟอาราบีก้า ต้นกาแฟโรบัสต้ามีความทนทานและต้านทานต่อโรคสูง เพาะปลูกได้ง่ายมีการเจริญเติบโตดีในสภาพภูมิอากาศร้อน อุณหภูมิในช่วง 23-30 องศาเซนเซียส มีความต้องการน้ำฝนเฉลี่ยปริมาณ 1500 มิลลิเมตรต่อปีและไม่สามารถทนทานต่อน้ำค้างแข็งได้ กาแฟโรบัสต้าเมื่อเทียบกับอาราบีก้าแล้วมีรสชาติที่รุนแรงกว่าและมีคาเฟอีนสูงกว่าถึง 50-60 เปอร์เซ็นต์

ลักษณะของเมล็ดจะอวบอ้วนและส่วนผ่าตรงกลางนั้นจะเป็นเส้นตรง โรบัสต้าจะปลูกในพิ้นที่ต่างกับอาราบิก้าโดยสิ้นเชิงคือ ปลูกในพื้นที่ต่ำ ให้มีความสูงจากระดับน้ำทะเลเพียง 500 – 600 เมตร เท่านั้น เพราะพันธุ์นี้จะปลูกให้ได้คุณภาพที่ดีต้องปลูกในพื้นที่อากาศชุ่มชื้น จึงพบว่านิยมปลูกในจังหวัดแถบภาคใต้ เช่น ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี เป็นต้น